วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความรู้เรื่องบล็อก


Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)
ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง
ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPressMovable Type เป็นต้น
ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจาก การเขียนเป็นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูล ตั้งแต่เรื่องการเมือง ไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุม ระดับชาติ
และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ ที่สำคัญอย่างแท้จริง
สรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย


ไดอารี่นั้นเป็นลักษณะคล้ายอยู่ในโลกส่วนตัว 
แต่บล็อกของสื่อ เน้นการสื่อสารต่อกันในชุมชนหรือสังคม
ระดับที่มีประโยชน์แบบผู้ใหญ่ๆ จึงมีความแตกต่างกันอยู่

บางทีการเขียนไดอารี่ออนไลน์แต่ละแห่งบนไซเบอร์
ดูลักษณะแล้วชวนคิดไปว่าเป็นของเด็กๆที่ถ่ายทอดความรู้สึกต่อกัน 
เราเองอายุปาเข้ากลางคนแล้ว แต่ก็ยังเขียนไดอารี่กับเขาเหมือนกัน
นัยว่าตอบสนองความอยากพูดอยากอวด ที่ยังคงมีอยู่ในทั่วทุกตัวคน
หรือบางคนก็อยากจะเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้
ประมาณว่าประทับใจหรือคับข้องใจ ซึ่งเกิดได้กับทุกคนและทุกวัย

ความแตกต่างตามความเห็นของตัวเองแล้วจะมองว่าไดอารี่คล้ายที่ส่วนตัว
แต่บล็อกในเว็บสื่อเป็นเรื่องไม่ใช่ส่วนตัว เป็นเรื่องอยากบอกอยากพูดมากกว่า

เปรียบไปก็คล้ายเด็กๆที่ช่างพูดช่างเล่าให้คนอื่นฟัง
บางครั้งจึงคิดเหมือนกันว่าการที่ผู้ใหญ่เขียนไดอารี่
จึงเหมือนกับแสดงความเป็นเด็กที่อยู่ลึกๆของตัวเองออกมา

จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ
เพราะจุดนั้นคือทางแห่งการผ่อนคลายจากเรื่องราวเคร่งเครียด
ที่มีทั้งตื่นเต้น เร้าใจ และต้องใช้พลังสมองในการทำงานต่างๆมากมาย
ทำนองเดียวกับงานอดิเรก
เช่นบางคนมีงานอดิเรก สะสมรถจำลอง หรือ เล่นเกม ฯลฯ
ก็ล้วนเป็นเรื่องราวที่เป็นไปในลักษณะเดียวกับที่เด็กๆทำกันเล่นกัน

ที่ผ่านมา ตัวเองนั้นนอกจากจะมีภารกิจมากมายในแต่ละวัน
แต่เมื่อเข้าเน็ตก็เข้าไปขลุกอยู่กับการเขียนไดอารี่ 
ไม่ได้เข้ามาเขียนบล็อกเสียหลายวันเชียว

เมื่อกลางวัน พบหนังสือเล่มหนึ่ง ของอินโฟเพรส  google ฉบับสมบูรณ์
เขาน่าทึ่งจริงๆ เพราะตอนนี้มีทั้ง gmail ,blog(blogger.com) ,
search engine, talk(แบบเดียวกับเอ็ม) และ google earth
ราคาไม่แพง ร้อยกว่าบาท แต่ยังไม่ได้ซื้อ
เพราะน้องน๊อตซื้อหนังสือหนึ่งเล่ม
โควต้าจึงรอไปก่อน(ประมาณว่าเราควรประหยัดได้แล้ว
เพราะสี่วันหยุดหมดไปแยะเชียวล่ะ)

ที่มา : Posted by น้ำใส http://www.oknation.net/blog/chayada/2007/08/04/entry-1

คู่มือการสร้างบล็อก
การลงทะเบียน
ด้วยวิธีการ 3 ขั้นตอนง่ายๆ คุณก็สามารถเปิดบล็อกได้แล้ว
1. วิธีการสร้าง Blog
    ไปที่ www.oknation.net/blog จากนั้นคลิกที่ "สร้าง Blog" จะเข้าสู่หน้าลงทะเบียน

2. ลงทะเบียน
กรอกข้อมูลของคุณลงในแบบฟอร์ม

3. กำหนดชื่อบล็อก
ในหัวข้อกำหนดชื่อ บล็อก มีช่องที่ต้องให้กรอก 5 ช่อง ซึ่งล้วนแต่มีความสำคัญต่อ บล็อก ของคุณ

1. ชื่อบล็อกภาษาอังกฤษ
บล็อกของทุกคนจะต้องมีชื่อสำหรับตั้งเป็น URL เช่น บล็อกของคุณชื่อ buta คุณจะได้ URL http://www.oknationblog.net/blog/buta
URL นี้สำคัญสำหรับให้คุณแจ้งเพื่อนๆ ให้เข้ามาดูบล็อกของคุณได้ถูกต้อง

2. ชื่อบล็อก
หลายท่านอาจจะงง ว่า เอ ทำไม ใส่ชื่อภาษาอังกฤษ ไปแล้ว ต้องมาใส่อีกช่อง ชื่อบล็อก ตัวนี้ เป็นภาษาไทย เมื่อใส่ไปแล้วจะไปปรากฎบล็อกของคุณ

3. คำอธิบายเกี่ยวกับบล็อก
เราเปิดบล็อกขึ้นมา ก็ต้องมีวัตถุประสงค์กันหน่อย หรือ ให้คำนิยามบล็อกของคุณว่า เกี่ยวกับอะไร
4. BLOG Title
อันนี้สำคัญ เพราะจะทำให้ search engine ที่ฉลาดๆ อย่างกูเกิ้ล เขาเก็บข้อมูลไป ถ้ามีคน search หาคำที่มี key word ตรงกับ Title ของคุณก็จะเจอทันที Title ที่คุณใส่ จะไปปรากฎอยู่มุมบนสุดด้านซ้ายมือ ของ Browser
5. นามปากกา
เขียนหนังสือ เขาก็มีนามปากกากัน เขียนบล็อก ก็เหมือนกัน แต่จะใช้คำว่า "นามคีย์บอร์ด" ก็กระไรอยู่ ขอใช้ตามแบบฉบับ ดั้งเดิมก็แล้วกัน นามปากกาของคุณคืออะไร ใส่ลงไปได้เลย หรือ อยากใส่ชื่อจริงก็ได้ นามปากกาจะปรากฎอยู่หลายที่ เช่น ที่ใต้รูปถ่าย ของคุณ หรือ ที่ ท้ายเรื่องของคุณ
เมื่อคุณกรอกข้อมูลครบทั้ง 5 ช่อง แล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม "หน้าถัดไป"  จะถึงขั้นตอนสุดท้าย คือ การเลือก template จะมี template ให้คุณเลือกหลายรูปแบบ เลือกกันได้ ตามความพอใจ เมื่อเสร็จแล้ว คลิกที่ปุ่ม "หน้าถัดไป" อีกครั้ง คุณก็มีบล็อกเป็นของตัวเอง เริ่มเขียนเรื่องกันได้เลย
   Blogger มือใหม่ ใช่ไหมคะถึงจะไม่ใช่ มือใหม่แต่คิดว่ายังขับไม่แข็ง หรืออยากมาดูวิธีการบางอย่างในการจัดการ blog ที่ยังไม่ได้ทำก็เชิญมาแลกเปลี่ยน เผยแพร่ความรู้กันค่ะ เพื่อนๆจะได้เอาวิธีการของเราไปใช้ ไม่ต้องเสียเวลากับเรื่องนี้มากจนเกินไป เราจะเริ่มกันแบบคนที่ไม่ต้องรู้อะไรเลย แล้วไล่ทำไปทีละ step ทีละ step จากจุดเริ่มต้นไปจนสามารถสร้าง Blog ให้เหมือนบ้านของตัวเอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่คิดที่เขียนขึ้นมานี้ จะมีคนนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ [บทความนี้ มาเรียบเรียงใหม่เมื่อวันที่ 16เมษายน 2550 ค่ะ]

          ทาง oknation ก็มีคู่มือให้ศึกษาอยู่ค่ะ ถ้ายังไม่ได้อ่าน เชิญเข้าไปดูก่อนได้ค่ะ
1. 
วิธีการโพสเรื่องลง blog 
2. 
การใส่รูปประกอบเรื่อง3. คู่มือสร้าง ok nation blog มีปัญหาใดๆเกี่ยวกับ blog ของคุณ ไปถาม Blog_guru หรือไปที่ TalkwithOKnation ค่ะ(ตาม link ไปได้เลยค่ะ แล้วคลิก BACK กลับมานะคะ) หรือจะมาทิ้งคำถาม ไว้ที่คอมเม้นท์ที่ blog นี้ก็ได้ค่ะ เผื่อจะมีคำตอบเฉพาะหน้าให้ไปก่อน หรือไม่ก็ไปถามเค้าอีกต่อนึงค่ะ  ฮิฮิ

          นอกจากนี้ oknation club  ก็ต้อนรับสมาชิกทุกท่านอยู่ คาดว่าคงจะจัดกิจกรรมให้สมาชิกเป็นระยะๆค่ะ ว่างๆแวะไปติดตามข่าวคราวกันดูบ้างนะคะ

          ต่อไปนี้จะเข้าเรื่องกันละนะคะ จะอ่านตามลำดับหัวข้อ หรือจะเจาะบางหัวข้อ ในกรณีเร่งด่วนก็อย่าลืม อ่านเสริมตามที่แจ้งไว้ในแต่ละข้อด้วยนะคะ จะได้ไม่หลุด
         ตอนนี้ทำลิ้งค์ภายในตัวเรื่องเสร็จแล้ว คุณสามารถคลิก คำว่า 'อ่าน' เพื่อไปอ่านหัวข้อนั้นๆได้ แล้วสามารถกลับมาสารบัญโดยคลิก 'กลับไปสารบัญ' ที่ท้ายรายละเอียดแต่ละหัวข้อ หรือจะข้ามไปเขียน Comment ก็คลิก 'ไปท้ายเรื่อง'ค่ะ จะได้ไม่ต้องเลื่อนขึ้นเลื่อนลงให้ลำบาก อีกต่อไปค่ะ
สารบัญ
1. การ Login เข้า My Blog และ การจัดการ Blog อ่าน
2. การจัดการในแถบ ‘Post’ อ่าน
3. การจัดการในแถบ ‘Setting’ อ่าน
4. การจัดการในแถบ ‘Template’ อ่าน
5. การจัดการในแถบ ‘Picture’ อ่าน
6. การจัดการในแถบ ‘Video Clip’ อ่าน
7. การเตรียมข้อความที่จะโพส และ การจัดรูปแบบเนื้อหา อ่าน
8. การใช้ตารางช่วยจัดระเบียบเนื้อหาและรูปประกอบ อ่าน
9. การนำเนื้อเรื่องจากต้นฉบับไปโพสใน blog อ่าน
10. การนำภาพนิ่งมาแทรกประกอบเรื่อง อ่าน
11. การนำภาพสไลด์ (Slide) มาแทรกประกอบเรื่อง อ่าน
12. การนำ Video Clip มาแทรกประกอบเรื่อง อ่าน
13. การนำภาพ Mini Player มาแทรกประกอบเรื่อง อ่าน
14. การปรับสี พื้นหลัง Blog Template อ่าน
15. การใส่ bullet gifใน Blog Template อ่าน
16. วิธีทำ ภาพ background เอง อ่าน
17 คำแนะนำทั่วไป อ่าน
18 Color Chart I – color & hex code อ่าน
19 Color Chart II – color name & hex code อ่าน




A





1.     การ Login เข้า My Blog และ การจัดการ Blog

1.1.  ไปที่ url http://www.oknation.net/blog

1.2.  สำหรับท่านที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิก oknation แล้วให้ใส่ username กับ password แล้วคลิกปุ่ม Login (แล้วข้ามไปอ่านข้อ1.4 เลยค่ะ)


1.3.  หากยังไม่ได้ลงทะเบียนสมาชิก ให้คลิกปุ่ม สร้าง Blog’ เพื่อลงทะเบียนก่อนนะคะ


เมื่อเข้ามาที่หน้าลงทะเบียนแล้ว ให้กรอกรายละเอียดและปฏิบัติตามขั้นตอนที่บอกหน้าจอ เพื่อทำการลงทะเบียนนะคะ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเรื่อง คู่มือการสร้าง oknation Blog  ค่ะตัวอย่างขั้นตอนแรกที่ต้องกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเองค่ะ


1.4.  เมื่อสมาชิก oknation log in เข้าระบบจะไปอยู่ที่หน้าหลักของ oknation  ค่ะ ให้คลิกคำว่า ‘เขียน blog’  เพื่อเข้าสู่โหมดการโพสblog 


1.5    เมื่อเข้าสู่หน้า My Blog ของเรา มองดูทางด้านขวาจะมีกรอบที่เขียนว่า ประวัติส่วนตัว’ มีไว้สำหรับใส่รูปตัวเอง/Logo ของBlogหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไข Logo/ Profile / Password/ Signature (Signature เป็นข้อความแสดงตัวตนของเรา ที่จะไปปรากฎในHeader ของ Comments ที่เราไปโพสไว้ท้ายเรื่องใน Blog คนอื่นๆน่ะค่ะ สามารถปรับฟ้อนท์ ขนาด สีสันได้)


         ต้องการจะจัดการส่วนไหน ก็คลิกเข้าไปค่ะ ขั้นตอนแต่ละส่วนไม่ยุ่งยากค่ะ ลองดูนะคะ

1.6    การสร้าง Blog เพิ่มให้คลิกปุ่ม สร้าง Blog ใหม่’ (ตอนลงทะเบียนทุกคนจะต้องเปิด Blog ขึ้นมา 1 Blog อยู่แล้ว) ทาง oknationให้ สร้าง blog ได้ 3 blogs ต่อ 1 blogger ค่ะ และให้เนื้อที่เก็บเนื้อเรื่องและไฟล์ต่างๆ blog  ละ 200 MB นะคะ

1.7    เมื่อต้องการจะ โพสเรื่อง/ โพสภาพ/ โพสVideo/ แก้ไขการจัดการ Blog / เปลี่ยนแปลง Template  ก็คลิกชื่อ blog ที่เราจะใช้เข้าไปจะพบหน้านี้ค่ะ
B



คลิกแถบ ‘Post’ แล้วมาทำความรู้จักกับการจัดการแต่ละส่วนกันก่อนนะคะ

2.1.  สร้างเรื่องใช้สำหรับการโพสเรื่องใหม่ (อ่านต่อหัวข้อ ค่ะ)

2.2.  แก้ไข’ ใช้สำหรับการแก้ไขเรื่องที่เคยโพสไปแล้ว (อ่านหัวข้อ ประกอบค่ะ)


2.3 จัดการความเห็นใช้สำหรับการกำหนดว่าจะให้ผู้อ่านสามารถเขียนคอมเม้นท์ใน Blog ของคุณได้หรือไม่


2.4.  หมวด ใช้สำหรับพิ่มเติมแก้ไข หมวดและรายละเอียด การสร้างหมวดทำได้สองที่คือที่นี่ กับที่ สร้างเรื่อง’ ค่ะ (ทำอย่างไร อ่านต่อใน หัวข้อที่ นะคะ)


2.5.  ลิงค์โปรด’ .ใช้สำหรับใส่ link ไปยังเวบไซต์ที่ชอบเข้า ที่สนใจ หรือจะใช้เป็นที่อ้างอิงใน Blog ของเราค่


2.6.  blog เพื่อนบ้าน’ .ใช้สำหรับแก้ไขชื่อ Favorite หรือ ลบ Favorite การได้มาซึ่ง url ของ Blog เพื่อนบ้านทำได้ทางเดียวคือ คลิก ‘Add to My Favorite’ ใน Blog เพื่อนบ้านที่คุณต้องการ Add  (ปุ่มนี้จะวางอยู่ท้ายหัวข้อ บล็อกย้อนหลัง’ ซึ่งอยู่ล็อกเดียวกับCalendar ค่ะ)


2.7.   จัดการโหวต’.ใช้สำหรับสร้าง Poll ให้ผู้อ่านช่วย Vote แสดงความเห็นในเรื่องต่างๆค่ะ


C
3.     การจัดการใน‘Setting’
               
               ถ้าจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงสร้าง blog อย่างเช่น Title คำอธิบาย blog  เอา password ออก(กรณีไปใส่เอาไว้ตอนสร้าง blog ครั้งแรก) หรือจะกำหนดการแสดง blog ย้อนหลังจาก ที่กรุ๊ปตามวันที่ เป็นแสดงเรื่องที่โพส ก็คลิกเข้ามาที่ Setting นี่ล่ค่ะ
อ่านเรื่องต่อไปนี้ประกอบด้วยนะคะ1. เทคนิคการเรียกคนเข้าชม Blog http://www.oknation.net/blog/nanahahe/2007/03/23/entry-2
D
4.      การจัดการในแถบ ‘Template’


ปัจจุบัน Oknation มี Template ให้เลือก แบบเท่านั้น ตามตัวอย่างนี้ค่ะ คาดว่าจะมี Template ใหม่ๆออกมาอีกค่ะ 

อย่างไรก็ตาม หากสักวันหนึ่ง คุณคิดอยากจะปรับเล็ก ปรับใหญ่ Blog ของคุณให้ดูแตกต่าง มีบุคคลิกในแบบที่คุณคุณต้องการ ก็สามารถทำได้ โดยเข้าไปแก้ไข css ดูวิธีปรับแต่งหน้า Blog แบบจิ๊บๆ ที่หัวข้อ 14 ไปก่อนนะคะ


อ่านเรื่องต่อไปนี้ประกอบด้วยค่ะ
1. การใช้ CSS เพื่อ BLOG ที่สวยงามในแบบของคุณเอง
2. แอบดู Gif Files ที่ oknation ใช้  http://www.oknation.net/blog/nanahahe/2007/02/27/entry-2

โปรดคอยติดตาม
เรื่อง วิธีการปรับเปลี่ยน 
theme ของ OKnationTemplate – เร็วๆนี้
และอีกไม่นานจะมีแจก 
Code ของTemplate  แบบน้องๆ (หรือไม่ก็ฝาแฝดกันเล้ย) ของบล็อก นานาฮาเฮ ตามมาอีกค่ะ (ไม่ขาย แต่ไล่แจก ฮิฮิ)
E
5.     การจัดการใน‘Picture’


ภาพที่นำมา upload ได้ต้อมีสกุลดังนี้ค่ะ jpg, gif, jpeg, png ขนาดไม่เกิน 1 mb นะคะ ก่อนจะนำภาพขึ้น Gallery ต้องคิด theme ของภาพชุดนั้นก่อนนะคะ กำหนดจำนวนภาพ แล้วเอามาใส่ในหน้านี้ โดยการคลิกแถบ‘Picture’ กรอกข้อมูลภาพที่จะแสดง ตั้งชื่อ Gallery ใส่คำบรรยาย ใส่จำนวนรูป

ในรูปนี้ ได้เลือกภาพ 5 ภาพค่ะ ถึงได้มีช่องให้ดึงภาพ บรรทัด เมื่อดึงภาพและใส่คำบรรยายแล้ว (ว่างไว้ก็ได้ค่ะ) ก้คลิก บันทึกจากนั้น คลิก เลือกรูป gallery’ แล้วเลือก gallery ที่จะนำไปวางในblog ค่ะ

F
6.     การจัดการใน‘Video Clip’

    คลิก แถบ’Video Clip’ ใส่ชื่อเพลง หรือ Video กรอกคำบรรยายสั้นๆ อาจจะบอกที่มาของ vdo นี้ หรือถ้าเป็นเพลงก็ ใส่ชื่อเพลงตามด้วยชื่อนักร้อง ชื่อวง ก็ได้ค่ะ แล้วแต่นะคะ แล้วเลือกรูปมาใส่ เลือก file vdo ที่มีนามสกุลที่กำหนดคือ ไฟล์ mpeg, 3gp, wmv, mpg, mp4, wma, mp3 ที่มีขนาดไม่เกิน 100 mb ค่ะ ถ้าจะ Embed มาจาก web site อื่นก็เอา code มาจากที่นั่นมาใส่ โดยต้องเลือก ‘embedจาก เวบอื่น ก่อนค่ะ ได้แล้วก็คลิก บันทึก’ รอจนกว่าจะได้รับคำยืนยันว่า โหลด ว๊ดิโอเรียบร้อยแล้วนะคะ จากนั้นก็ คลิกเข้าไป เลือกvedeo’ ที่จะนำขึ้น blog หน้าแรกของเรา ก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ



G
7.     การเตรียมข้อความที่จะโพส และ การจัดรูปแบบเนื้อหา

7.1.  ทำต้นฉบับ

          นะนำให้พิมพ์ หรือ copy เนื้อหาที่จะโพสลงใน Ms word ก่อน จะดีกว่าพิมพ์สดๆลงใน My Blog ค่ะ ได้ประโยชน์สองประการค่ะ คือได้จัดรูปแบบตัวอักษร ใส่ สีตัวอักษร เว้นวรรค เว้นบันทัด หรือย่อหน้าก็แล้วแต่เราค่ะ อีกประการคือ ได้มีต้นฉบับเก็บไว้ค่ะ เอาไว้อ่านทบทวนเวลาไม่ต่อเน็ตก็ได้ หรือ เวลาต้องการแก้ไขก็สามารถแก้ที่ต้นฉบับก่อนแล้วค่อยเอาไปโพสทับข้อความเก่า (ถ้าเป็นแก้ไขเยอะๆน่ะค่ะ)

คำเตือน: อย่าใช้เวลานานในการพิมพ์บทความลงใน My Blog จนเกินไปค่ะ เพราะเมื่อคุณคลิก เผยแพร่’ มันอาจจะสูญไปเลยได้ค่ะ เพราะระบบอาจจะlog out คุณไปซะก่อนแล้ว สังเกตจากที่เมื่อคุณคลิก เผยแพร่’ คุณจะได้ message ว่า ‘Please Log in’ มาดูต่างหน้า อย่าร้องไห้ล่ะคะ

   7.2.   การจัดรูปแบบ Font 
นะนำให้จัด font format เป็น Microsoft San Serif ขนาด 10 เลือกสี Automatic ซึ่งจะได้แบบตัวอักษรและสีในเนื้อเรื่องที่โพสตามที่Template ของเรากำหนดไว้ แต่คุณสามารถกำหนดแบบฟ้อนท์ ขนาดและสี ได้ตามที่ต้องการ เพื่อเน้นข้อความ ก็ทำได้ตามแต่ใจค่ะ โดยhigh light ข้อความที่ต้องการแก้ไข แล้วเลือก ขนาดฟ้อนท์ หรือ สีตามความตามชอบ ทำเหมือนที่คุณทำให้ Ms Word ล่ะค่ะ 



7.3.  การจัดวรรคตอน


ขึ้นบันทัดใหม่ (lineให้กด Shift + Enter
ขึ้นย่อหน้าใหม่ (paragraph)

ให้กด Enter



7.4.   จัดชิดซ้าย ชิดขวา

         คุณจัดได้โดยวาง เมาส์ หรือ cursor หน้าอักษรตัวแรกของวรรค ของย่อหน้า ของรูปนั้นตามแล้วกดปุ่มจัดการตามแต่จะต้องการ ว่าจะให้อยู่ชิดด้านใด หรือไว้ตรงกลาง อย่างไรค่ะ

                  
H          

8.     การใช้ตารางช่วยจัดระเบียบเนื้อหาและรูปประกอบ
           เราจะเอาตาราง (Table) มาใช้เพื่อช่วยในการจัดหน้าก็ได้ค่ะ เริ่มจากสร้างตารางให้มีจำนวนแถวตั้ง (Column) และแถวนอน (Row) ตามต้องการแล้ว พิมพ์ข้อความ หรือ copy ข้อความที่ต้องการใส่ในเรื่องลงไป เช่น ถ้าจะเอากลอนหลายๆบท มาโพสก็ทำตามรูปนี้ค่ะ

 


        ส่วนเส้นกรอบนอกแต่ละช่องนั้นให้ลบออก โดยคลิกขวาที่ตาราง ไปที่ Borders and Shading ที่ tab ชื่อ Border คลิกเลือก Noneแล้วไป mark เส้นกรอบตาราง (Border) ที่ไม่ต้องการให้แสดง ตามตัวอย่าง ได้ลบเส้นกรอบตารางที่ไม่มีสีออกทั้งหมดค่ะ

        อีกวิธีง่ายๆ คือดึงเมนูชุดเครื่องมือของ Tables and Borders มาใช้ก็สะดวกดีค่ะ (คลิกขวาที่ พื้นที่ว่างๆท้าย Main Menu เลือกTables and Borders ให้มีเครื่องหมายถูกข้างหน้าก็จะได้แถบเครื่องมือชุดนี้มาเพิ่มค่ะ) แล้วใช้ดินสอจาก Menu ลบเส้นที่ไม่ต้องการแสดงออกไปค่ะ

        นำตารางที่พิมพ์เนื้อหา พร้อมจัดสีสันสวยงามพอใจแล้วทั้งเส้นกรอบตาราง (Border) หรือพื้นที่ในตาราง (Shading) copy ไปโพสใน blog ตามวิธีในข้อ 1.8 ถึง 1.11 ค่ะ แล้วหากจะเติมภาพในช่องตารางที่ว่างๆ ก็ทำตามขั้นตอนการใส่รูปภาพค่ะ
ตัวอย่าง หน้าตาเรื่องที่โพสแล้ว
I



9.     การนำเนื้อเรื่องจากต้นฉบับไปโพสใน blog

         ถ้าคุณมีเนื้อเรื่องที่จัดรูปแบบไว้แล้ว/ หรือไม่จำเป็นต้องจัดรูปแบบหรือไม่คิดว่าต้องเพิ่มความสวยงาม เรียกว่าพร้อมแล้วที่จะโพสละก็ อ่านต่อไปเลยค่ะ แต่ถ้าหากจะจัดรูปแบบแรกแสดงเนื้อเรื่องก่อนก็ ย้อนไปอ่านหัวข้อ 7-8 ดูก่อนนะคะ (บอกไว้ เผื่อว่าจะข้ามมาอ่านที่ตรงนี้เลยน่ะค่ะ)

9.1.    เขียนชื่อเรื่อง

9.2.   เลือกกลุ่มของเรื่องว่าเหมาะที่จะอยู่ในกลุ่มใดที่ทาง oknation ตั้งกลุ่มไว้ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์เวลามีคน search หาบทความในแต่ละกลุ่มจะได้มีเรื่องของคุณปรากฎอยู่ด้วยค่ะ
9.3.   เลือก หมวด ของเรื่องที่โพสสำหรับ blog ตัวเอง
 เมื่อสร้างแล้วก็เลือกหมวดของเรื่องด้วยทุกครั้ง เวลาจะสร้างหมวดใน blog ให้คลิก คำว่า สร้างหมวด’ ใส่ชื่อ Folder ด้วยภาษาอังกฤษหรือเลข 0-9 หรือเครื่องหมาย . _ แล้วกรอกชื่อหมวดที่ต้องการจัด เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้ค่ะ เสร็จแล้ว คลิกปุ่ม  บันทึก’  (ในรูปนี้เป็นหมวดที่ blog นานา ฮาเฮ จัดไว้น่ะค่ะ เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้นค่ะ)   
       


9.4.  เมื่อเตรียมเนื้อหาเรียบร้อยแล้ว อ่านทบทวนทั้งหมดอีกรอบ เพื่อตรวจหาจุดที่อาจพิมพ์ตกหล่น หรือสะกดผิด แล้วแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนค่ะ

9.5.  เมื่อข้อความผ่านการทบทวนแล้วให้ high light ข้อความทั้งหมด เพื่อทำการ Copy  (โดยการกดเม้าส์ด้านขวา คลิก Copy หรือ กด Ctrl + C)

9.6.  ที่ body ของเรื่อง คลิกปุ่ม  เพื่อเข้าสู่ html mode พิมพ์ ** (หรือตัวอักษรอะไรก็ได้ 2 ตัว)

9.7.  วางเม้าส์ หรือ Cursor หลังอักษรตัวที่สอง แล้วคลิกปุ่ม  อีกครั้ง เพื่อออกจาก html mode ค่ะ

9.8.  นำเนื้อหาที่ก็อปปี้ ตามข้อ 9.5 มา paste (หรือ กด Ctrl + V) ตรงระหว่างตัวอักษรสองตัวในข้อ 9.6

9.9.  ลบตัวอักษรทั้งสองตัว ที่อยู่ต้น และ ท้ายเนื้อหาออกไป 

9.10.  คลิก ‘เผยแพร่ รอจนเมื่อระบบแจ้งว่าเรื่องของคุณ โพสเรียบร้อยแล้ว หรือ แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ให้คลิก ‘OK’ นั่นหมายถึงคนอื่นก็สามารถคลิกอ่านเรื่องของคุณได้ทันทีค่ะ
J


10.            การนำภาพนิ่งมาแทรกประกอบเรื่อง

          การเขียน blog โดยไม่มีสีสัน หรือ ภาพประกอบก็ออกจะดูแห้งแล้งไปหน่อยใช่ไหมคะ(แล้วแต่สไตล์เจ้าของ Blog นะคะ) ทั้งนี้ก็ขึ้นกับเรื่องที่เอามาโพสด้วย ถ้าเป็นบทสนทนา เรื่องขำขันสั้นๆ คงไม่จำเป็น แต่ถ้ามีเนื้อหายาวๆ คิดว่าควรมีรูปประกอบค่ะจะช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพตามได้ดีกว่า และไม่ดูน่าเบื่อจนเกินไป นอกจากนี้ ภาพในเรื่องจะช่วยเบรคสายตาได้เป็นอย่างดีนะคะ ผู้อ่านไม่เมื่อยตาค่ะ ควรหารูปที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง แต่บางทีก็อาจใช้ animation gif หรือ ภาพสวยๆมาลงให้เข้าบรรรยากาศ 

10.1.   เมื่อได้รูปแล้วก็จัด sizeให้ มีความกว้างสักไม่เกิน 535 pixels นะคะ เพราะพื้นที่ตรงกลางที่เป็นเนื้อเรื่องของเราใน oknation template นั้นกว้างเพียง 543 pixels ค่ะ เผื่อช่องว่างซ้าย-ขวาสักนิดนึง วิธีโพสรูป ทำอย่างนี้นะคะ

10.2.   กรณีมีรูปอยู่แล้วในคอมพิวเตอร์ ให้วางเม้าส์ หรือ cursor ตรงตำแหน่งที่จะวางภาพในเรื่องค่ะ แล้วคลิกปุ่ม  เพื่อเข้าไปจัดการในหน้าต่าง Files Manager หากต้องการนำรูปจากเวบไซต์อื่นมาใช้ แล้วข้ามไปอ่านวิธีทำที่หัวข้อ 10.7 นะคะ



10.3  ต้องสร้าง Folder เพื่อเก็บภาพก่อน โดย พิมพ์ชื่อ Folder ที่ต้องการในช่อง ‘Create Folder’ แล้วคลิกปุ่ม ‘create’ จากนั้นชื่อFloder ที่เราสร้างจะปรากฎทางด้านซ้ายค่ะ

10.4   Double Click ที่ชื่อ Folder ที่ต้องการ เพื่อเข้าสู่ Folder

10.5  คลิกปุ่ม ‘Browse…’แล้วไปเลือกภาพที่จะนำมาประกอบเรื่อง ทำพร้อมกันได้คราวละ ภาพค่ะ เลือกได้แล้ว คลิกปุ่ม ‘upload’  รอจนกระทั่งมีข้อความว่า ‘เพิ่ม File เรียบร้อยแล้ว’ คลิก ‘OK’ ค่ะ


10.6  ที่หน้าต่าง Files Manager คลิกชื่อ File ภาพที่ต้องการ ก็จะเห็นภาพนั้นไปวางอยู่ในตำแหน่งที่เราวางเม้าส์ หรือ Cursor ไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ ถ้าจะจัดให้อยู่ซ้าย กลาง ขวา ก็แค่วาง cursor ไว้ข้างหน้าภาพ  แล้วคลิกปุ่ม

 หรือ ปุ่ม  ค่ะ

Note: ทาง oknation ให้ upload ภาพสกุล jpg,swf,gif,mid ได้แต่ขนาดแต่ละภาพต้องไม่เกิน 100 kbs ค่ะ

10.7 หากต้องการนำภาพจากเวบไซต์อื่นมาใส่ในเรื่องที่จะโพส ให้เอา url ของภาพนั้นมาเตรียมไว้ วิธีหา url ของภาพที่ต้องการให้คลิกเม้าส์ด้านขวาบนส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพ แล้วเข้าไปใน properties  copy มาจาก Address (URL) ค่ะ  ลองทดสอบโดยคลิกที่logo ของ oknation ดูค่ะ จะต้องได้ URL ตามนี้ http://www.oknation.net/blog/images/logo.gif

10.8 วางเม้าส์ หรือ Cursor ไว้ตรงตำแหน่งที่เราจะวางในเนื้อเรื่อง แล้วคลิกปุ่ม   จะมีหน้าต่าง ‘Insert Image’นี้ pop-up ขึ้นมา


10.9 นำ url ของภาพมา paste ลงในช่อง ลิงค์ของภาพ’ ถ้าอยากดูภาพก่อนว่าเอามาถูกต้องไหม ก็กดปุ่ม ‘Preview ภาพนะคะ เขียนคำอธิบายภาพแล้วคลิก ‘OK’ หากจะจัดตำแหน่งและระยะของภาพกับพื้นที่แสดงเนื้อหาหถูกใจก็ทำได้ค่ะ (อยากให้ลองเองค่ะจะได้ทราบว่าควรใช้เท่าไหร่ – เป็นแบบฝึกหัดไปละกันนะคะ) เสร็จแล้วกดปุ่ม “OK’ ภาพก็จะไปวางอยู่ในเรื่องตรงตำแหน่งที่เราต้องการค่ะ
K

11   การนำภาพสไลด์ (Slide) มาแทรกประกอบเรื่อง

อ่านวิธีทำได้ที่เรื่องนี้ค่ะ
วิธีใส่ภาพ slide ในเรื่องที่โพส http://www.oknation.net/blog/nanahahe/2007/03/26/entry-1
L

12   การนำ Video Clip มาแทรกประกอบเรื่อง
อ่านวิธีทำได้ที่เรื่องนี้ค่ะ
วิธีใส่วีดีโอคลิปในเรื่อง 
http://www.oknation.net/blog/nanahahe/2007/03/25/entry-2
M


13      การนำ Mini Player มาวางในเรื่อง
13.1  ต้องมี url ของเพลงที่คุณต้องการใส่ใน blog  13.2  log in เข้า My Blog ที่ www.oknation.net/blog ของคุณ แล้วไปที่ post13.3  ทำตามขั้นตอนการโพสเรื่อง รูป ตามคำแนะนำที่ผ่านมา13.4  มาร์คตำแหน่งที่จะใส่ miniplayer  (เพื่อความไม่สับสน จะทำเครื่องหมาย ** แบบที่แนะนำไว้ข้างบนก็ได้ค่ะ แล้วค่อยลบออกทีหลัง) แล้วคลิกปุ่ม  เพื่อเข้าสู่ html mode 13.5  High Light คำสั่งทั้งหมดต่อไปนี้เพื่อ copy โดยกด Ctrl +C หรือ คลิกเมาส์ด้านขวาแล้ว Copy ตามที่เคยทำ







กรณีเปิดเพลงจาก source ใน oknation ค่ะ

Code แบบที่ 1

เพลงชาติไทย
กรณีเปิดเพลงจาก source ใน oknation ค่ะ

Code แบบที่ 1

เพลงชาติไทย

<textarea readonly rows="2" cols="33" onClick="this.focus();this.select()">

<a href="http://www.oknation.net/blog/nanahahe/2007/02/22/entry-2"target=_blank>

<p align="center" /><p align="center"><object id="mediaplayer" height="60" standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." width="200" classid="CLSID:6BF52A52-394A-11d3-B153-00C04F79FAA6"><param value=" http://www.oknation.net/blog/home/video_data/396/396/video/182/182.mp3" name="URL" /><param value="1"name="rate" /><param value="0" name="balance" /><param value="0" name="currentPosition" /><param name="defaultFrame" /><param value="1" name="playCount" /><param value="-1" name="autoStart" /><param value="0" name="currentMarker" /><param value="-1" name="invokeURLs" /><param name="baseURL"/><param value="50" name="volume" /><param value="0" name="mute" /><param value="full" name="uiMode" /><param value="0" name="stretchToFit" /><param value="0" name="windowlessVideo" /><param value="-1"name="enabled" /><param value="-1" name="enableContextMenu" /><param value="0" name="fullScreen" /><param name="SAMIStyle" /><param name="SAMILang" /><param name="SAMIFilename" /><param name="captioningID" /><

param value="0" name="enableErrorDialogs" /><param value="5292" name="_cx" /><param value="1588" name="_cy" /></object></p></body>

</html></body>

</html>

</textarea>

 (ขอบคุณ คุณfeng_shui [และคุณpenด้วย] ที่อนุญาติให้นำ Code มาใช้และเผยแพร่ค่ะ)



Code แบบที่ 2

เพลงชาติไทย

<textarea readonly rows="2" cols="33" onClick="this.focus();this.select()">

<a href="http://www.oknation.net/blog/nanahahe/2007/02/22/entry-2"target=_blank>

<p align="center"><object id="mediaplayer" height="60" standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." width="200" classid="CLSID:6BF52A52-394A-11d3-B153-00C04F79FAA6"><param value="http://www.oknation.net/blog/home/video_data/396/396/video/182/182.mp3" name="URL" /><param value="false" name="autostart" /></object><br /><b>&quot; คลิ้ก play &quot; </b><br /></p></body>
</html></body>
</html>

</textarea>



กรณีนำเพลงจาก source นอก oknation มาเปิดใน blog ค่ะ

code แบบที่ 1

เพลงที่แห่งนี้

<textarea readonly rows="2" cols="33" onClick="this.focus();this.select()">

<a href="http://www.oknation.net/blog/nanahahe/2007/02/22/entry-2"target=_blank>



<p align="center" /><p align="center"><object id="mediaplayer" height="60" standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." width="200" classid="CLSID:6BF52A52-394A-11d3-B153-00C04F79FAA6"><param value="http://www.icygang.com/jukebox/media_file/Ost_kootaepatihan-tee_hang_nee.wma" name="URL" /><param value="1" name="rate" /><param value="0" name="balance" /><param value="0" name="currentPosition" /><param name="defaultFrame" /><param value="1" name="playCount" /><param value="-1" name="autoStart" /><param value="0" name="currentMarker" /><param value="-1" name="invokeURLs" /><param name="baseURL" /><param value="50" name="volume" /><param value="0" name="mute" /><param value="full" name="uiMode" /><param value="0" name="stretchToFit" /><param value="0" name="windowlessVideo" /><param value="-1" name="enabled" /><param value="-1" name="enableContextMenu" /><param value="0" name="fullScreen" /><param name="SAMIStyle" /><param name="SAMILang" /><param name="SAMIFilename" /><param name="captioningID" /><param value="0" name="enableErrorDialogs" /><param value="5292" name="_cx" /><param value="1588" name="_cy" /></object></p></body>

</html></body>

</html>

</textarea>



Code แบบที่ 2 

เพลงที่แห่งนี้ (source เดียวกับที่ใช้ใน code ข้างบนค่ะ)

<textarea readonly rows="2" cols="33" onClick="this.focus();this.select()">

<a href="http://www.oknation.net/blog/nanahahe/2007/02/22/entry-2"target=_blank>

<p align="center"><object id="mediaplayer" height="60" standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." width="200" classid="CLSID:6BF52A52-394A-11d3-B153-00C04F79FAA6"><param value="http://www.icygang.com/jukebox/media_file/Ost_kootaepatihan-tee_hang_nee.wma " name="URL" /><param value="false" name="autostart" /></object><br /><b>&quot; คลิ้ก play &quot; </b><br /></p></body>
</html></body>
</html>
</textarea>

13.1  เอาไปวางไว้ในเรื่องที่จะโพส ให้อยู่ระหว่างเครื่องหมาย ** ที่ทำไว้ แก้ไข url ของเพลง เป็นเพลงของคุณ โดยหาคำสั่งต่อไปนี้ (อยู่ประมาณบันทัดที่ 3-4  ค่ะ)  http://www.oknation.net/blog/home/video_data/396/396/video/182/182.mp3"  อีกวิธีคือ copy cod e ทั้งหมดไปใส่ใน ms word หรือ word pad แล้วแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนค่อย copy มาวางก็ได้ค่ะ

13.2  เมื่อแน่ใจว่าทำเรียบร้อยแล้ว คลิกปุ่ม HTML อีกครั้งเพื่อออกจาก html mode

13.3  ลบเครื่องหมาย ** ที่ใส่ไว้

13.4 คลิกปุ่มบันทึก รอกจนมีข้อความว่า โพสเรียบร้อยแล้ว คุณจะเห็น miniplayer พร้อมกับได้ยินสียงเพลงทันที เช่นเดียวกับคนอื่นที่คลิกเรื่องของคุณก็จะได้ยินเสียงเพลงทันทีที่ load เรื่องของคุณในคอมของเขาเสร็จค่ะ

ไม่ยากใช่ไหมคะ ลองดูนะคะ

N

14      การรัสีตัวอักษร พื้นหลัง Blog Template



14.1  ที่ tab template จะมีปุ่มแก้ไข css ให้เราเข้าไปแก้ template ได้ (สนใจใคร่รู้เรื่อง CSS เพิ่มเติม ตามมาดูได้ที่นี่ค่ะhttp://www.oknation.net/blog/nanahahe/2007/02/27/entry-1) สำหรับคนทึ่ไม่ค่อยรู้เรื่องคำสั่ง html (อย่างเราๆไงคะ) ออกจะเสี่ยงอยู่สักหน่อย แต่ก็คงไม่เกินกำลังพวกเราหรอกนะคะ

14.2  คุณต้องก็อปปี้ข้อมูลในนั้นออกมาเก็บไว้ใน word ก่อนเผื่อว่าต้องการกลับมาดูของเดิม จะได้มี backup (ถ้าพลาดก็ยัง ก็อปปี้กลับมาได้ อิอิ) อย่างไรก็ตาม ถ้าได้แก้ css ไปสักครั้งแล้ว ระบบจะเพิ่มปุ่ม ยกเลิกการแก้ไข css มาให้ คลิกปุ่มนี้ก็จะได้template เดิมก่อนที่จะมีการแก้ไขทั้งหมดที่ทำไปค่ะ จึงไม่ต้องกังวล (มากก อิอิ)

14.3  การเปลี่ยนสีส่วนต่างๆใน blog คือการปรับ background ให้เป็นสีที่เราต้องการ คุณสามารถเลือกสีจากตารางท้ายเรื่องนี้นะคะ โดยดู code สีทางด้านซ้ายของสีที่คุณต้องการค่ะ หรือใช้โปรแกรมแต่งสีเพื่อหาสีที่คุณชอบแล้ว copy Hex Code มาก็ได้ค่ะ ตัวอย่างโปรแกรมที่มีผู้แนะนำ (คุณPure) ก็เช่น Color mania ซึ่งสามารถไป download  ได้ที่ url นี้ค่ะ




ตัวอย่างการกำหนด สีพื้นหลังของ blog เป็นสีฟ้ารหัส hex code #99CCFF



/*///////////////////     ////////////////////////////
                      layout  ของ ตัวหน้าเวบ
///////////////////     /////////////////////////////


/* ---------------------- ส่วนของ body หน้าเวบ ---------------------- */


body {
            margin:0;
            padding:0;
            text-align:center;
            background:#99CCFF;
}






14.4  การเปลี่ยนสีแต่ละส่วน เรื่องนี้ต้องใช้ความสามารถกันหน่อยค่ะ เพราะคุณต้องไปหาตำแหน่งที่คุณต้องการเปลี่ยนใน css ค่ะเวลาที่คุณจะเข้าไปตบแต่งสีสันใน css ถ้าคุณรู้ว่าจะเข้าไปทำส่วนใด คุณจะใช้วิธี search ก็ได้ โดยกด Ctrl + F แล้วพิมพ์ keyword เข้าไป คลิก find next เราจะไปอยู่ตรงตำแหน่งนั้นทันที เร็วดีค่ะก

 O

15      การใส่ Bullet Gifใน Blog Template

                         เป็นการเพิ่ม bullet ด้วย gif file จะเป็น animation gif ไม่ ภาพนิ่งๆก้ได้เพื่อเอามาเสริมใน blog template (อันนี้ไม่เกี่ยวกับการใส่ภาพใน blog นะคะ)

15.1 เราต้อง upload ภาพที่ต้องการเอามาใส่ใน template จาก computer เราขึ้น file manager ของ oknation ซะก่อน ให้ทำตามวิธีที่ในหัวข้อที่ 10 

15.2 เสร็จแล้วให้คลิก ปุ่ม preview ทางด้านขวาของชื่อ file ของรูปที่ต้องการ รูปจะไปปรากฎในกรอปด้านขวาของหน้าต่าง file manager พร้อมทั้ง url ข้างใต้กรอบนั้น

15.3 ให้คลิก ปุ่ม copy  

15.4 นำurl มาใส่ลงไปแทนสีของ background ใน css ตรงตำแหน่งของ blog ที่เราต้องการใส่  ตัวอย่าง เช่น



ตัวอย่างที่ 1       ต้องการเอารูป     มาแปะตรงหน้า list ของ archive ที่อยู่ใน template ด้านขวามือของ blog ก็

        - เอา url นี้ไปใส่แทน url ของgif file ตรงตำแหน่งตามด้านล่าง

        - หลังคำว่า background: พิมพ์คำว่า url ตามด้วยวงเล็บ ในวงเล็บใส่ url ของ gif file ที่จะนำมาใส่แทนของเดิม

        - หลังวงเล็บปิด เคาะหนึ่งที แล้ว พิมพ์คำว่า no-repeat หลังวงเล็บปิด มิฉะนั้นจะมีรูปนั้นขึ้นมาซ้ำๆกันจนหมดพื้นที่ส่วนนั้นค่ะ (ยากไปไหมคะ ถ้าสงสัยถามไว้ใน comment ก็ได้ค่ะ จะพยายามตอบให้ข้าใจมากขึ้น)



/*///////////////////     ////////////////////////////
                   archive  box
///////////////////     /////////////////////////////*/


#archive{
  margin:0 0 10px 10px;
  width:210px;
}


#archive_top{
  height:35px;
}

                


 

ตัวอย่างที่ 2  ต้องการเปลี่ยนicon หน้านามแฝงใน box About Me  

ให้หาตำแหน่งของ about me ใน css ก่อนค่ะ

save file ที่คุณต้องการใช้ขึ้น file manager ตามหัวข้อที่ 10 

แก้ url โดยเอา url ของ gif file จาก files manager มาใส่แทน

เพิ่ม/ลด ขนาดความสูง (height) ระยะห่างจากตัวหนังสือ  (padding) ตามเหมาะสม

สมมติจะเอา  ภาพ   ซี่งใหญ่กว่าภาพเดิมที่เขาจัดมาให้ เราจึงต้องปรับ ความสูง และระยะห่างจากตัวหนังสือ ตามนี้ค่ะ (ดูตัวอักษรสีแดงในกล่องด้านล่างค่ะ)



/*///////////////////     ////////////////////////////
               about me  box
///////////////////     /////////////////////////////*/


#about_me{
  margin:0 0 10px 10px;
  width:210px;
}


#about_me_top{
  background:url(http://www.oknation.net/blog/home/css/images/type2/hdr_about.gif);
  height:35px;
}


#about_me_middle{
  background:url(http://www.oknation.net/blog/home/css/images/type2/bg_box1.gif);
}


#about_me_bottom{
  background:url(http://www.oknation.net/blog/home/css/images/type2/ftr_box1.gif);
  height:28px;
}


#about_me_icon{
     background:url(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/396/396/images/Blogpics/football0.gif) no-repeat;

     height:42px;

             padding:8px 0 0 48px;

}



          จะได้ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ (icon หน้านามปากกา ปิรันย่า เปลี่ยนไปแล้วค่ะ)






P

16   วิธีทำ ภาพ background เอง

         การทำภาพสำหรับใช้เป็น background จากการนำภาพขนาดเล็กๆมาต่อกัน อย่างภาพหนามกุหลาบที่เอามาใช้นี้ก็เป็นภาพเล็กๆที่นำมาต่อกัน ภาพที่ทำแล้วดูดี คือภาพที่ไม่มีรายละเอียดมาก หรือถ้ามีก็เป็นรายละเอียดที่เหมือนๆกันซ้ำไปซ้ำมาอยู่แล้ว เช่นพวกภาพกราฟฟิค และควรเลือกที่สีไม่ฉูดฉาดเกินไปค่ะ ถ้าจะให้ง่ายๆก็ใช้ภาพสีพื้น มีลายบ้างก็เหมาะค่ะ

วิธีการทำ กรณีใช้ภาพที่มีรายละเอียดมาก คือทำอย่างนี้ค่ะ

1.  หาภาพที่ต้องการ โดยเลือกภาพที่เมื่อเราจับมาหมุนตีลังกา กลับซ้ายกลับขวาแล้วดูกลมกลืนไม่ดูผิดธรรมชาติ อย่างถ้าจะเอารูปนกบินแล้วจะให้นกบินกลับหัวก็คงกระไรอยู่ใช่ไหมคะ สมมติเราจะใช้ภาพด้านล่างกันนะคะ

2. ใช้ โปรแกรม paint หรือ โปรแกรมแต่งภาพ  copy รูปนี้โดยจับ หมุน 180 องศา จะได้ถาพนี้ค่ะ

         



เห็นความแตกต่างของสองภาพไหมคะ



   3.  นำภาพทั้งสองมาต่อกันในแนวตั้ง



หากมองดูแล้วยังไม่ดีก็ปรับตัดแต่งภาพแล้วจับมาต่อกันใหม่ให้ดูเนียนๆนะคะ



  4. สำหรับภาพแบบนี้ ต้องมีขั้นตอนอีกค่ะ เพื่อทำภาพด้านซ้าย ด้านขวาให้ต่อกันได้สนิท โดยนำภาพข้างบนมากลับซ้ายไปขวา เป็นอีกภาพนึงค่ะ แล้วจับมาต่อกัน จะได้ภาพอย่างนี้ค่ะ


 

   5. ภาพที่ได้ upload ขึ้น file manager แล้วนำ url ของภาพไปใส่เป็น background ตรงจุดที่ต้องการได้แล้วล่ะค่ะ

    6. หากจะดัดแปลงภาพลายเดียวกันไปใช้เป็น background ของหัวข้อ (header) หรือ ท้ายคอลัมน์ (footer) ก็ตัดเอาตรงส่วนที่จะใช้ให้ได้ขนาดและรูปร่างตามที่ต้องการ save เป็น file ไว้

    7. ถ้าต้องการใส่ตัวอักษรลงไปบนภาพก็ใช้ Paint  โดยให้มี background แบบโปร่งใส Transparency นะคะ ตัวอย่างเช่น


   


        โปรแกรมแต่งภาพที่มีใช้กันอยู่ก็เอามาแต่ง เพิ่ม effect ของภาพได้ตามปรารถนานะคะ ลองทำดูค่ะ



17.1   Blog Cleaning

หากคุณโพสแล้วไม่สำเร็จ เช่น มีปัญหา internet  browser  error กลายเป็น The page cannot be displayed หรือ ปรากฎคำว่าplease log in เป็นต้น บางทีเรื่องที่คุณเพิ่งโพสหรือแก้ไปนั้นอาจจะผ่านไปแบบครึ่งๆกลางๆก็ได้นะคะ ให้ log in เข้าไปใหม่ แล้วไปที่ แก้ไข ไปดูหน้าสุดท้ายของ list  คุณอาจจะพบมันอยู่ค่ะ เพียงแต่วันที่โพสจะไม่ปรากฎ ก็คลิกดูก่อนค่ะ ว่าใช้ได้หรือไม่ ถ้าได้ก็ copyมาใช้แล้วคลิกเผยแพร่ได้เลย ถ้าต้องแก้ไขอีกก็แก้ไขเสียก่อนค่ะ         

    แล้วถ้าคุณไม่ใช้รายการที่โพสไม่มีวันที่พวกนี้ ก็ควรจะจัดการลบทั้งไปค่ะ โดยคลิกคำว่า ลบ ข้างท้าย จะได้ไม่เปลืองเนื้อที่ในblog เราและเนื้อที่ server ของ oknation เขาด้วยค่ะ    

17.2  อย่าใส่ password

ตอนที่เปิด blog ครั้งแรก จะต้องกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับ blog ในนั้นมีช่องให้เติม password

อย่าใส่ เด็ดขาดค่ะ เพราะจะทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าไปอ่าน blog ของคุณได้ เว้นแต่คุณจะแจกรหัสให้ก่อน ซึ่งก็คงไม่ใช่วัตถุประสงค์ของคุณแน่ (แต่ถ้าใช่ก็แล้วไปค่ะ)




         วิธีแก้คือให้ log in เข้าไปที่ My Blog ของคุณ แล้วคลิก Setting นะคะ แล้วเมื่อเอา password ออกแล้วก็คลิก บันทึก รอให้มีข้อความ confirm ว่าแก้เรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ เสร็จแล้วอย่าลืม โพสแจ้งข่าวให้คนอื่นทราบด้วยนะคะ


 
         17.3                       อย่าสาด blog         

การสาด blog คือ การโพสหลายๆเรื่องในเวลาติดๆกันมากเกินควร ที่เป็นการไม่ควรเพราะจะทำให้เรื่องของคนอื่นตกไปจาก latest list และพลาดโอกาสที่คนที่ติดตามอยู่ หรือสนใจในเรื่องนั้นๆ จะมองเห็นได้ทัน หากจำเป็นควรทำตอนช่วงที่คนเข้าน้อยๆเช่น่วงตีสี่ตีห้าที่คนเข้าน้อย (แนะนำให้ปรึกษาผู้ดูแลweb) 

ประโยชน์และความสำคัญของ Blog



Blog ในปัจจุบันถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ส่วนใหญ่) ใช้งานง่าย ...โดยผู้เขียนไม่ต้องมีความรู้เรื่องการเขียนเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมภาษา หรือโปรแกรมสำเร็จรูปใดๆ เลยก็ย่อมได้ สามารถปรับแต่ง แก้ไขได้ง่าย บนหน้าจอ ณ เวลานั้นเลย แต่หากจะมีความรู้เรื่องภาษา Html ก็จะยิ่งดีมากๆ เพื่อช่วยในการปรับแต่งในขั้นลึกยิ่งขึ้น...
ประโยชน์ของ Blog นั้นมีมากมาย กว้างขวางยิ่งกว่า ไดอารี่ หรือบันทึกส่วนตัวทั่วๆ ไป

ประโยชน์ของ Blog สามารถแยกเป็นข้อๆ ได้ดังนี
  1. เป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพื่อเสนอให้ผู้คน สาธารณะได้รับรู้
  2. เป็นเครื่องมือช่วยในด้ารธุรกิจ เช่น การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กร การเสนอตัวอย่างสินค้า การขายสินค้า และการทำการตลาดออนไลน์ เป็นต้น
  3. เป็นแหล่งความรู้ใหม่ๆ ที่ถูกต้องและชัดเจน จากผู้มีความรู้เฉพาะด้านๆ นั้น เนื่องจากผู้เขียน Blog มักจะเขียนถึงเรื่องที่ตัวเองถนัด ชอบ และมีความรู้ลึกในเรื่องนั้นๆ การค้นหาข้อมูลเฉพาะด้านใน Blog ต่างๆ จึงทำให้เราค้นพบความรู้ และผู้มีความรู้ความชำนาญในด้านต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
  4. ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ในโลกปัจจุบัน เพราะข่าวสารความรู้ มาจากผู้คนมากมาย(ทั่วโลก) และมักจะเปลี่ยนแปลงได้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันเสมอ
  5. และอื่นๆ อีกมากมาย
ที่มา : เขียนโดย Npatsa  http://2talkbig.blogspot.com/2007/06/blog_8254.html










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น